ดีโอโก โชตา หรือที่รู้จักในชื่อเต็มว่า ดีโอโก โชเซ เทเซย์รา ดา ซิลวา (Diogo Jose Texeira da Silva) เป็นกองหน้าของสโมสรลิเวอร์พูลที่สามารถเล่นได้ในทุกตำแหน่งแนวรุก ไม่ว่าจะเป็นกองหน้าตัวเป้า กองหน้าตัวต่ำ ปีกทั้งสองข้าง รวมถึงยังมีโอกาสเล่นเป็นกองกลางตัวรุกหรือตัวริมเส้นในบางโอกาสอีกด้วย
นอกจากนี้ เขายังมีความสามารถพิเศษในการเล่นได้ด้วยเท้าทั้งสองข้างและเล่นลูกโหม่งได้อย่างดีแม้ว่าเขาจะมีความสูงเพียง 1.78 เมตรเท่านั้น โดยสถิติที่น่าสนใจของเขาคือถ้าหากเกมใดเขาสามารถทำประตูได้ในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลจะไม่พ่ายแพ้ในเกมวันนั้น (จะชนะหรือเสมอเท่านั้น)
ส่วนในระดับทีมชาตินั้น เขาลงเล่นให้กับทีมชาติโปรตุเกสรุ่นยู-19, ยู-21 และ ยู-23 ก่อนที่จะได้ขึ้นชุดหลักในปี 2019 แล้วมีส่วนร่วมสำคัญกับการพาโปรตุเกสคว้าแชมป์ยูฟ่าเนชันส์ลีกในปีเดียวกันที่บ้านเกิดของตัวเอง หลังจากนั้นเขายังได้ลงเล่นในรายการยูโร 2020 อีกด้วย
นอกเหนือจากด้านชีวิตการค้าแข้งที่มีเส้นทางไปอย่างราบรื่นอย่างต่อเนื่องแล้ว เขายังมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับตัวเอง เราจะมาเปิดประวัติของเขากันที่นี่
ดีโอโก โชตา เด็กอคาเดมีเมืองหลวงที่อยากแตกต่าง
โชตา เกิดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 1996 แล้วได้เติบโตในเมืองปอร์โต ประเทศโปรตุเกส เขามีโอกาสได้เติบโตมาพร้อมกับฟุตบอลจากคุณพ่อของเขาที่ซื้อคอนโซลเกม “PlayStation” มาให้เล่น โดยคาดหวังว่าโชตาจะได้เรียนรู้เรื่องราวของฟุตบอลมากขึ้นผ่านวีดีโอเกม ในตอนนั้นเขาเลือกที่จะเล่นแต่เกมฟุตบอลเท่านั้น แล้วได้เรียนรู้หลายอย่างจากเกมจริง ๆ
ต่อมา เขาได้โอกาสในการลงเล่นในอคาเดมีเยาวชนของสโมสร กอนโดมาร์ เอฟซี ในกรุงปอร์โตบ้านเกิดของเขาเป็นเวลานานกว่า 8 ปี เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเล่นฟุตบอลมากขึ้น จนในวันหนึ่ง เขาได้โอกาสย้ายไปเล่นให้กับสโมสร พาโซส์ เดอ เฟอร์เรรา ซึ่งอยู่ห่างจากย่านเดิมที่เขาอาศัยอยู่ไปในปี 2013
จนกระทั่งในปี 2014 เขาได้โอกาสในการลงเล่นเป็นกองหน้าชุดหลักของพาโซส์ในฤดูกาล 2014-15 ของลีกโปรตุเกส ในที่แห่งนี้ มีผู้เล่นทั้งจากอคาเดมีและสโมสรที่ใช้ทั้งชื่อและนามสกุล “ดีโอโก” และ “ซิลวา” อยู่มากมาย จนเขาเริ่มเกิดไอเดียว่าอยากจะสร้างความแตกต่างในส่วนนี้
เขาเลยเริ่มใช้ชื่อท้ายของตัวเองว่า “Jota” (โชตา) ซึ่งเป็นชื่อเรียกอักษรตัว J ในภาษาโปรตุกีส แทนที่ชื่อของ โชเซ และนามสกุล ซิลวา ของเขา เพื่อไม่ให้ชื่อของตัวเองซ้ำกับเพื่อน ๆ แล้วเขาก็ได้รับการเรียกว่า โชตา มาตั้งแต่ตอนนั้น
กับสโมสร พาโซส์ เดอ เฟอร์เรรา เขาทำสถิติด้วยการเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในลีกได้สำเร็จ เขาได้ลงเล่นไปทั้งหมด 45 นัด พร้อมกับทำไป 15 ประตูในทุกรายการ เขาอยู่ที่สโมสรนี้เป็นเวลา 2 ปีก่อนที่จะได้ข้อเสนอครั้งสำคัญในการย้ายไปอยู่สโมสรอัตเลติโกมาดริดในสเปน
อย่างไรก็ดี เขากลับไม่ได้รับโอกาสในการลงเล่นให้กับอัตเลติโกมาดริดเลยแม้แต่รายการเดียว แล้วยังถูกปล่อยยืมไปให้กับ เอฟซี ปอร์โต บ้านเกิดของเขา รวมถึง วูลฟ์แฮมป์ตัน ในพรีเมียร์ลีกอีกที่ละ 1 ปีอีกด้วย
ต่อมา ในปี 2018 เขาได้รับโอกาสในการย้ายไปเล่นให้กับวูล์ฟอย่างเต็มตัว หลังจากที่เขาไปอยู่อัตเลติโกมาดริดแล้วไม่ได้ลงเล่นเลย แถมยังถูกปล่อยตัวไปให้กับสองสโมสรอีก โดยในฤดูกาลแรกที่ได้ไปในฐานะผู้เล่นยืมตัว เขาทำไปทั้งหมด 17 ประตูในลีกรองของอังกฤษ นี่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้วูล์ฟเลื่อนขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกอีกด้วย
โดยในช่วงแรก เขาใช้นามสกุล “Silva” บนเสื้อของเขา ก่อนที่จะเริ่มเปลี่ยนมาใช้เป็น Diogo J. ในภายหลังจากเลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ
โชตา กลายเป็นผู้เล่นที่ได้รับการจับตามองจากผู้คนในพรีเมียร์ลีกมากมาย เขาทำไปทั้งหมด 44 ประตูจากการลงเล่น 131 นัดในทุกรายการ พร้อมกับพาพวกเขาคว้าแชมป์ลีกคัพในฤดูกาล 2017-18 ได้อีกด้วย
จนกระทั่งในปี 2020 สโมสรลิเวอร์พูลได้ให้ความสนใจในผู้เล่นรายนี้ พวกเขาได้เซ็นสัญญานักเตะรายนี้ไปด้วยค่าตัวประมาณ 44 ล้านยูโร ในวันที่ 19 กันยายน 2020 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่สโมสรเพิ่งจะคว้ารางวัลสโมสรโลกมา
คีย์สำคัญผู้พาทีมคว้าแชมป์ในประเทศและแชมป์ทีมชาติ
กับสโมสรลิเวอร์พูล โชตาได้ลงเล่นไปแล้วทั้งหมดมากกว่า 130 นัด โดยเขามีส่วนสำคัญในแผนของเยอร์เกน คล็อปป์ ด้วยการลงเป็นกองหน้าได้ในทุกโซนของสนาม เขาทำไปมากกว่า 50 ประตูได้สำเร็จในปี 2023 แล้วกลายเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นคนสำคัญที่ทีมจะขาดหายไปไม่ได้
ส่วนในระดับทีมชาตินั้น โชตาได้รับโอกาสในการขึ้นสู่ทีมชาติโปรตุเกสเป็นครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2019 ซึ่งเป็นช่วงที่ทีมชาติจะไปแข่งขันในรายการยูโร 2020 รอบคัดเลือก แต่กลับไม่ได้ลงเล่นเลยในปีนั้น
จนกระทั้งเข้าสู่ช่วงยูโร 2020 เขาได้โอกาสในการลงเล่นทุกเกมของการแข่งขันจนถึงเกมที่ไปสะดุดแพ้เบลเยียมในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แล้วต่อมาในช่วงฟุตบอลโลก 2022 เขาก็พลาดการติดรายชื่อทีมชาติไปจากอาการบาดเจ็บต้นขาและต้องพักไปนานกว่าครึ่งปี
อย่างไรก็ดี ทางสโมสรลิเวอร์พูลเล็งว่าโชตาจะเป็นนักเตะคนสำคัญของทีม พวกเขาได้ต่อสัญญาไปให้จนถึงปี 2027 เพื่อให้เขาได้อยู่ต่อ หลังจากนั้นเป็นต้นมา เขากลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่พาลิเวอร์พูลเอาชนะ (และตีเสมอได้) ในทุก ๆ เกมที่เขาทำประตูด้วยตัวเอง โดยทางลิเวอร์พูลเคยแพ้ไปเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นในวันที่เขาทำประตูเองได้
เกมเมอร์ตัวยง ผู้มีทีมอีสปอร์ตและลงแข่งขันด้วยตัวเอง
นอกชีวิตการเป็นนักฟุตบอลนั้น โชตาคือ “เกมเมอร์ตัวยง” โดยเขาจะใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ของตัวเองไปกับการเล่นเกม FIFA (ที่กลายเป็น EA Sports FC ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา) แล้วได้ไต่อันดับของตัวเองในโหมด Ultimate Team ไปจนถึงอันดับสูงสุดของโลกมาแล้วอีกด้วย
ในเดือนเมษายน 2020 เขาเคยได้รับโอกาสในการเข้าร่วมรายการแข่งขัน ePremier League Invitational ในช่วงที่เกิดการล็อกดาวน์หลังจากโควิด-19 แพร่ระบาด โดยในช่วงเวลานั้นเขายังคงเล่นให้กับสโมสรวูล์ฟอยู่ก่อนที่จะย้ายไปลิเวอร์พูล
เขาสามารถเอาชนะตัวแทนจากสโมสรอื่น ๆ ได้ทั้งหมด จนได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยพบกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แล้วในเกมนั้น โชตา เอาชนะเทรนต์และกลายเป็นแชมป์ประจำรายการไป
หลังจากนั้น ในเกม FIFA 21 โชตาได้สร้างสถิติใหม่ให้กับตัวเองด้วยการเองชนะไปมากถึง 30 เกมรวดในโหมด Ultimate Team Champions พร้อมกับจบด้วยการเป็นผู้เล่นอันดับ 1 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2021
นอกจากนี้ โชตายังมีทีมอีสปอร์ตเป็นของตัวเอง ในชื่อว่า Diogo Jota eSports ซึ่งเป็นทีมที่เขาจะหานักแข่ง FIFA ในประเทศโปรตุเกสไปเข้าร่วมการแข่งขัน FIFA ระดับโลกหลายรายการ ก่อนที่ในปี 2022 ทาง Diogo Jota eSports ได้ทำข้อตกลงกับบริษัท Galaxy Racer ในการสร้างทีมอีสปอร์ตระดับโลกขึ้นมา
จนกลายเป็น Luna Galaxy eSports ทีมอีสปอร์ตสัญชาติโปรตุเกสขึ้นมา โดยโชตาจะเป็นเจ้าของร่วมและเป็น Brand Ambassador ของทีมอีกด้วย ในปัจจุบัน Luna Galaxy มีการส่งเข้าแข่งขันในเกม EA Sports FC, Rocket League และ DOTA 2 โดยมีนักกีฬาจากทั่วโลกเข้ามาอยู่ในทีม
ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของชายที่ชื่อว่า ดีโอโก โชตา กองหน้าชาวโปรตุเกสผู้เป็นความหวังครั้งสำคัญของทั้งลิเวอร์พูลและทีมชาติโปรตุเกส โดยเขามีวันนี้ในชีวิตได้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่เขาเป็นคนติดเกมฟุตบอลนั่นเอง