พรีเมียร์ลีกอังกฤษประจำฤดูกาล 2023-24 นั้นมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงมากมายเพื่อปรับปรุงรูปแบบการเล่น การตัดสินและภาพรวมต่าง ๆ ของแมตช์การแข่งขันลีกให้เคร่งครัดมากขึ้น โดยจะมีตั้งแต่การปรับเปลี่ยนระบบการทดเวลาบาดเจ็บ การเล่นที่ยาวนานขึ้น รวมถึงบทลงโทษต่าง ๆ จากผู้ตัดสิน
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้มีส่วนเกิดขึ้นมาจากการตัดสินใจของประธานเทคนิค PGMOL คนใหม่อย่าง ฮาเวิร์ด เว็บบ์ ผู้ยืนกรานว่ากฎแบบใหม่นี้จะไม่ได้มีผลเป็นรายสัปดาห์เท่านั้น แต่จะมีผลไปตลอดทั้งฤดูกาลเลย
แล้วในลีกฤดูกาล 2023-24 นี้จะมีกฏข้อใดที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงบ้าง เรามีอธิบายไว้ทั้งหมดแล้วที่นี่
ระยะเวลาของแมตช์จะมีความยาวนานขึ้นตามเหมาะสม
กฎข้อนี้ไม่ใช่กฎที่เพิ่งจะมีผลกับลีก แต่มันเคยบังคับใช้มาแล้วตั้งแต่ช่วงรายการฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ โดยทางคณะกรรมการสมาคมฟุตบอลระหว่างประเทศ หรือ IFAB ได้คิดค้นกติกาใหม่นี้ขึ้นมาเพื่อไม่ให้มีการถ่วงเวลาในการเล่น หรือสูญเสียเวลาในการเล่นจากปัจจัยภายนอก เช่น การแสดงความดีใจหลังจากทำประตู การเปลี่ยนตัวผู้เล่นระหว่างเกม รวมถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ผู้เล่นหรือผู้จัดการทีม “ใช้” เพื่อการฆ่าเวลาให้หมดลงไป
แล้วกฎใหม่ที่ทาง IFAB คิดขึ้นมานั้นใช้ได้ผลจริง ๆ ในศึกฟุตบอลโลก ทุกวินาทีในสนามถูกใช้งานและทดแทนอย่างคุ้มค่า เวลาทั้งหมดที่เสียไปไม่มีคำว่าสูญเปล่า ทำให้ทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษเริ่มเล็งเห็นว่ากฎนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการเล่นและผู้ชมหรือแฟนบอลทั่วโลก พวกเขาจึงเริ่มนำกฎนี้มาใช้อย่างจริงจังในลีก โดยจะเริ่มตั้งแต่ฤดูกาล 2023-24 ทันที
ทาง IFAB ได้อธิบายหลักการเกี่ยวกับกฎระยะของแมตช์รูปแบบใหม่นี้ไว้ว่าพวกเขาจะมีการอบรมเหล่าผู้ตัดสินจากทั่วโลกให้ประเมินตั้งแต่ช่วงเวลาที่เสียไปหลังจากมีผู้ทำประตูไปจนถึงช่วงตั้งเตะอีกครั้ง คิดเวลาในช่วงเปลี่ยนตัวผู้เล่นระหว่างเกมว่าใช้ไปเท่าไร รวมถึงการจัดการกับผู้เล่นที่มีเจตนา “ถ่วงเวลา” ระหว่างเกมอย่างจริงจังมากขึ้นด้วย
จุดมุ่งหมายหลักของกฎนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อให้นักเตะต้องวิ่งในสนามอย่างต่อเนื่องจนครบ 90 นาที แต่เป็นการชดเชยเวลาที่สูญเสียไปจากปัจจัยภายนอกอื่น ๆ มากกว่า สมาคมฟุตบอลของบางประเทศเคยมีการเสนอให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการนับเวลาเป็นครึ่งละ 30 นาที พร้อมกับให้หยุดเวลาไว้หากมีจังหวะหยุดเกมรูปแบบใด ๆ เกิดขึ้น แต่ทาง IFAB กลับเห็นต่างว่ามันจะทำให้การเล่นไม่ไหลลื่นและอาจยืดระยะเวลาในการเล่นนานจากเดิมมากเกินไป
ทั้งหมดนี้เราจึงสามารถสรุปได้ว่า หากในเกมนั้นมีการหยุดเกมหลังจากทำประตูแล้วผู้เล่นใช้เวลาแสดงความดีใจ หรือมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นระหว่างเกม หรือมีจังหวะฟาวล์ จังหวะถ่วงเวลาระหว่างเกม ทางผู้ตัดสินจะมีอำนาจในการทดเวลาส่วนต่างจากตรงนี้เข้าไปในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของแต่ละครึ่งได้ทันที
การถ่วงเวลาจะมีผลต่อการทดเวลาและมีบทลงโทษเพิ่มขึ้น
นอกจากการทดเวลาในช่วงหยุดเกมแล้ว ยังมีกฏการลงโทษผู้เล่นที่ทำการถ่วงเวลาภายในเกมทั้งในรูปแบบเจตนาและไม่เจตนาอีกด้วย หากผู้เล่นคนใดมีเจตนาในการแสดงพฤติกรรมใด ๆ ที่จะทำให้การเล่นต้องหยุดลงหรือไปต่อไม่ได้หรือเสียเวลาไปโดยไม่มีเหตุผลสมควรหรือเล่นถ่วงเวลาในเชิงกลยุทธแบบชัดเจน จะมีบทลงโทษขั้นต่ำด้วยการเสียใบเหลืองทันที
โดยกฎนี้จะมีกรณีตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นแล้วชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งใจถ่วงเวลาการตั้งเตะจากประตูหรือฟรีคิกนานขึ้น ใช้เวลาในการทุ่มบอลนานขึ้น ตั้งใจเตะลูกบอลออกไปให้ไกลกว่าเดิมหลังจากที่ผู้เล่นหรือเพื่อนร่วมทีมทำเสียฟาวล์ไปแล้ว หรือแม้แต่การพุ่งล้มลงไปแล้วแกล้งบาดเจ็บเพื่อถ่วงเวลา ถ้าหากว่าผู้ตัดสินจับได้ว่าผู้เล่นมีเจตนาตามกรณีตัวอย่างนี้พวกเขาจะมีความเสี่ยงในการถูกลงโทษได้
แต่ถ้าหากว่าในเกมนั้นผู้เล่นได้รับบาดเจ็บแบบไม่รุนแรงแล้วต้องได้รับการปฐมพยาบาล ผู้เล่นคนนั้นจะต้องออกไปข้างสนามเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วินาทีก่อนที่จะกลับลงสู่สนามได้อีกครั้ง
ผู้เล่นที่เข้าไปรุมล้อมกรรมการหรือแสดงพฤติกรรมไม่ดีจะถูกลงโทษ
การประท้วงของผู้เล่นต่อการตัดสินของผู้ตัดสินในสนามหรือการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมของผู้เล่นบางคนนั้นเป็นสิ่งที่หลายคนอาจคุ้นเคยมานานหลายปีแล้ว ทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษเล็งเห็นถึงปัญหานี้ ทำให้พวกเขาเริ่มคิดกฎใหม่เพื่อสร้างความรัดกุมในการจัดการกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมากขึ้น รวมถึงยังเป็นการผลักดันให้ผู้เล่นมีความเคารพต่อผู้ตัดสินอีกด้วย
กัปตันทีมของแต่ละทีมเองจะต้องรับผิดชอบในการดูแลและควบคุมพฤติกรรมของเพื่อนร่วมทีมตัวเองด้วยตามความเหมาะสม หากมีผู้เล่นจำนวนมากเข้ามารุมล้อมกรรมการหรือมีการล้ำเข้าไปในเขตพื้นที่ของทีมตรงข้ามหรือคณะกรรมการในสนามหรือนอกสนาม หรือมีการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อผู้ตัดสิน ผู้เล่นอย่างน้อยหนึ่งคนที่มีส่วนต่อการรุกล้ำนั้นจะถูกทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษรายงานพฤติกรรมไม่เหมาะสมและทางสโมสรของนักเตะคนนั้นจะต้องรับบทลงโทษด้วย
กฎข้อนี้มีผลเช่นเดียวกับผู้จัดการทีมของนักเตะ หากผู้จัดการทีมฝ่าฝืนกฎพวกเขาจะมีสิทธิ์ในการถูกลงโทษเหมือนกับนักเตะเช่นกัน
VAR พรีเมียร์ลีกจะมีการบันทึกเสียงผู้ตัดสิน ส่วนระบบล้ำหน้าแบบกึ่งอัตโนมัติยังไม่เริ่มใช้งาน
ในฤดูกาล 2023-24 นี้ ทาง VAR หรือผู้ช่วยผู้ตัดสินใช้วีดิทัศน์เพื่อแสดงความโปร่งใสระหว่างผู้ตัดสินด้วยกัน รวมถึงยังสามารถใช้เป็นหลักฐานได้หากมีการตัดสินที่ผิดพลาดเกิดขึ้นจากห้อง VAR
ส่วนระบบการล้ำหน้าแบบกึ่งอัตโนมัตินั้นยังไม่ได้มีการปรับใช้ในลีกอังกฤษแต่อย่างใด แม้ว่าระบบนี้จะเริ่มมีการปรับใช้ในรายการฟุตบอลโลก 2022 และฟุตบอลโลกหญิง 2023 ไปแล้ว โดยระบบนี้จะทำหน้าที่ระบุตำแหน่งของผู้เล่นในสนามเพื่อช่วยในการตัดสินให้แม่นยำขึ้น
อย่างไรก็ดี ทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษยังคงศึกษาระบบการล้ำหน้าแบบกึ่งอัตโนมัติมาอย่างต่อเนื่องและมีโอกาสที่พวกเขาจะนำระบบนี้มาปรับใช้ในอนาคตได้ ในปัจจุบันจะมีเพียงการเพิ่มจำนวนกล้องบันทึกวิดีโอรอบกรอบเขตโทษทั้งสองฝั่งมากขึ้นเพื่อเพิ่มความหลากหลายในมุมภาพ
ผู้ตัดสินสามารถหยุดเกมได้หากมีผู้เล่นบาดเจ็บที่ศีรษะ
การปะทะกันที่ศีรษะระหว่างผู้เล่น ไม่ว่าจะเป็นในเชิงเจตนาหรือไม่เจตนานั้นถือว่าเป็นอันตรายที่ทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษไม่ได้มองข้าม พวกเขาได้คิดค้นกฎใหม่ให้สามารถเป่าหยุดเกมชั่วคราวได้หากมีผู้เล่นได้รับบาดเจ็บศีรษะหลังจากการปะทะหรือวิ่งอยู่ นอกจากนี้ ถ้าหากว่ามีผู้เล่นคนใดได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะระหว่างเกมจนไม่สามารถเล่นต่อได้ พวกเขาจะถูกบังคับให้ “พักจากการเล่น” ขั้นต่ำ 7 วันขึ้นไปก่อนที่จะหายจากอาการบาดเจ็บและกลับไปลงสนามในนัดถัดไปได้อีกครั้ง
สมาคมฟุตบอลอังกฤษให้เหตุผลเกี่ยวกับกฎข้อนี้ไว้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเตะเป็นหลัก จึงต้องมีกฏข้อนี้ขึ้นมาเพิ่มเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
กฎการขัดขวางโอกาสทำประตู (DOGSO) มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
นี่ถือว่าเป็นกฏกติกาใหม่ที่ยังใช้งานและตัดสินใจได้ยากนัก จากเดิมนั้นถ้ามีผู้เล่นขัดขวางโอกาสทำประตูทั้งในหรือนอกเขตโทษ นักเตะคนนั้นจะเสียใบแดงทันที แต่ในกฎใหม่ของสมาคมอังกฤษนั้นมีข้อยกเว้นใหม่ว่า “ถ้าผู้เล่นมีเจตนาที่จะเข้าปะทะหรือแย่งลูกบอลจากคู่แข่งในกรอบเขตโทษ แล้วมันเป็นโอกาสในการทำประตูแต่ไม่ได้มีเจตนาเข้าที่ตัวผู้เล่นทีมตรงข้าม พวกเขาจะเสียแค่ใบเหลืองเท่านั้นและเสียฟรีคิกหรือจุดโทษตามปกติ”
ในกรณีนี้จะมีข้อยกเว้นอีกประการ คือ การปะทะกันระหว่างผู้เล่นแบบไหล่ชนไหล่ในกรอบเขตโทษจะไม่นับว่าเป็นการฟาวล์
อย่างไรก็ดี การตัดสินว่าเจตนาผู้เล่นในการเสียฟาลว์ขัดขวางโอกาสทำประตูนั้นจะยังขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้ตัดสินอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ก็คือบทสรุปของกฎใหม่ที่ทางพรีเมียร์ลีกอังกฤษได้นำมาบังคับใช้ในฤดูกาล 2023-24 โดยทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษ เพื่อให้การเล่นมีประสิทธิภาพมากขึ้นและทางผู้ตัดสินสามารถควบคุมการเล่นได้ดีขึ้น